การเลี้ยงสุนัขคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลาย ๆ คน จริงไหมคะ เพราะทาสหมาอย่างเรา ๆ ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมในแต่ละเรื่องเพื่อดูแลน้องหมาให้ดีที่สุดอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงสุนัขเพศเมียที่น้องจะต้องเป็นประจำเดือน (เป็นสัด) หรือที่หลายคนเคยได้ยินว่า อาการฮีท ที่สุนัขจะมีของเหลวสีแดงไหลออกมาจากอวัยวะเพศคล้ายกับการมีประจำเดือนของผู้หญิง หากน้องหมามีอาการนี้ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยว่าน้องหมาของเราเริ่มโตเป็นสาวแล้ว หากน้องเป็นสัดแล้วไม่ได้รับการดูแลที่ดีแน่นอนว่าเสี่ยงต่อการท้องแน่นอน แล้วเจ้าของอย่างเราจะต้องดูแลน้องหมาอย่างไรเพื่อรับมือกับปัญหานี้ มาดูกัน การเป็นประจำเดือนของสุนัขแต่ละครั้งจะมีของเหลวสีแดงไหลออกมาจากอวัยวะเพศของน้องออกมาทีละน้อย ๆ แต่จะไหลอยู่เรื่อย ๆ ทำให้หลายคนอาจจะเห็นน้องหมาบางตัวใส่ผ้าอ้อมเอาไว้ นั่นก็เพราะเพื่อป้องกันไม่ให้เลอะเทอะนั่นเองค่ะ และถ้าถามว่าน้องหมาที่มีประจำเดือนจะมีอาการเหมือนกับตอนผู้หญิงเป็นประจำเดือนไหม ความจริงก็แอบคล้าย ๆ…
เหล่าทาสแมวคงรู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่ารักกก จนทาสยอมถวายตัวให้ แต่บางทีน้องก็มีพฤติกรรมแปลก ๆ จนเรางง บางครั้งก็เอาหัวมาถู บางครั้งก็นวดให้ แต่อยู่ดี ๆ ก็เมินเราซะงั้น เดาอารมณ์น้องไม่ถูก เคยสงสัยกันไหมว่าพฤติกรรมเหล่านี้หมายความว่าอะไร เรามาเรียนรู้ความหมายของพฤติกรรมพวกนี้กัน 1.เห็นกล่องเป็นไม่ได้ ต้องขอเข้าไปนอน น้องแมวส่วนใหญ่มักจะชอบอยู่ในกล่องหรือพื้นที่แคบ ๆ เพราะทำให้รู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และไม่เครียด ดังนั้นหากเราเห็นน้องกำลังนอนสบายอยู่ในกล่องก็อย่าไปรบกวนเชียว เพราะน้องกำลังอยู่ในโหมดผ่อนคลายแบบสุด ๆ ปล่อยให้น้องมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง 2.แมวเป็นหมอนวดชั้นเยี่ยม!…
ใครที่เลี้ยงสุนัขเวลาต้องเดินทางไปไหนมาไหนทีคงคิดหนัก เพราะเชื่อว่าไม่มีใครอยากทิ้งน้องหมาให้อยู่เหงา ๆ ที่บ้านตามลำพัง ถ้าไปเที่ยวก็คงเที่ยวได้ไม่สนุกเพราะห่วงเจ้าตัวแสบว่าจะเป็นยังไงบ้าง เพราะบางทีการพาน้องหมาไปไหนมาไหนด้วยกันก็ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและมีความสุขมากกว่าเพราะมีเพื่อนรู้ใจอยู่ด้วย แต่ปัญหาคือน้องหมาบางตัวไม่คุ้นเคยกับการนั่งรถ ยิ่งถ้าน้องหมาป่วยแล้วต้องพาน้องนั่งรถไปหาสัตวแพทย์นี่ปัญหาใหญ่เพราะน้องบางตัวก็กลัวรถจนไม่ยอมนั่ง กลายเป็นปัญหาหนักใจของคนเลี้ยงหมาที่ไม่รู้จะแก้อย่างไร ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าสุนัขที่ไม่เคยขึ้นรถมาก่อนอาจเกิดอาการกลัวได้เวลาที่รถเคลื่อนที่หรือได้ยินเสียงดังจากเครื่องยนต์ น้องหมาอาจจะเกิดอาการกระวนกระวาย ไม่อยู่นิ่ง วิ่งวนไปมาภายในตัวรถจนวุ่นวาย หรือบางตัวอาการหนักอาจจะเห่าไม่หยุด เมารถ อาเจียน หรือฉี่ราดเปื้อนไปทั้งรถ ทีนี้ล่ะวุ่นวายทั้งเจ้าของทั้งสุนัข ดังนั้นการฝึกสุนัขให้นั่งรถจึงจำเป็นมาก เพราะถ้าไม่ทำให้เขาคุ้นเคยก็จะลำบากมากเวลาต้องพาน้องไปพบสัตวแพทย์หรือเดินทางไปที่อื่น เพราะฉะนั้นเรามาฝึกให้สุนัขคุ้นเคยกับการเดินทางกัน ข้อควรระวังก่อนพาสุนัขขึ้นรถ 1.ตรวจสุขภาพสุนัขก่อนออกเดินทาง เพื่อให้แน่ใจว่าน้องสามารถนั่งรถได้ ไม่เป็นอันตราย…
ไข้หัดสุนัข หลายคนอาจได้ยินชื่อโรคนี้มาบ้างแต่ยังไม่คุ้นเคยกับอาการของโรค เพราะอาการของไข้หัดสุนัขเบื้องต้นก็เหมือนกับการที่น้องหมาเป็นไข้หวัดธรรมดา คือมีอาการซึม อ่อนแรง ไม่กินอาหาร แต่บอกเลยว่าไข้หัดอันตรายกว่ามาก หากสุนัขไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจเป็นอันตรายกับน้องถึงขั้นเสียชีวิต เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันว่าหากสุนัขติดแล้วควรรักษาอย่างไร แล้วมีวิธีไหนที่จะป้องกันไม่ให้สุนัขของเราติดโรคหัดได้ ไข้หัดสุนัข (Canine Distemper) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงของสุนัข และเป็นโรคที่ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Morbillivirus ซึ่งเป็น RNA virus ทำให้เกิดโรคได้ในสุนัขและสัตว์อื่นที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับสุนัข เช่น สุนัขป่า มิ้งค์ สกั๊งค์…
ทาสแมวมามุงกันทางนี้ สำหรับทาสคนไหนที่ตามใจปากน้องเหมียวจนเคยตัวก็ขอให้หยุดไว้ก่อน เราจะให้น้องกินทุกอย่างที่อยากกินไม่ได้ โดยเฉพาะอาหารบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้องแมวแต่ทาสอย่างเราไม่เคยรู้มาก่อน ของกินบางอย่างอันตรายกับแมวจนอาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้เลย มาดูกันว่าอาหารที่แมวไม่ควรกินมีอะไรกันบ้าง 1.ยาพาราเซตามอล ใครที่เวลาแมวป่วยแล้วให้แมวกินยาพาราบ้างยอมรับมาซะดี ๆ เพราะกำลังทำผิดอย่างใหญ่หลวง ยาพาราเซตามอลเป็นยาที่อันตรายมากสำหรับแมว ถ้าแมวป่วยห้ามให้แมวกินพาราเด็ดขาดแม้จะแค่เม็ดเดียวก็ตาม! เพราะจะทำให้แมวเกิดความผิดปกติในระบบเลือด ทำให้การลำเลียงออกซิเจนลดลง อาจทำให้น้องหอบ อาเจียน เหงือกคล้ำ หน้าและเท้าบวม ถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต และถ้าน้องแมวกินพาราเข้าไปปริมาณมากอาจตายได้ภายใน 24 – 48 ชั่วโมง อันตรายขนาดนี้ใครยังให้แมวกินพาราอีกจะตีมือเลยนะ!…
เวลาสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วย นอกจากการรักษาที่ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยก็คือการดูแลหลังการรักษาที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องการทำกายภาพบำบัดที่มีความสำคัญค่อนข้างมากและมีความเกี่ยวข้องกับการรักษาในหลาย ๆ ด้าน หลายคนมองว่ารักษาไปแล้วเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ จะไปกลัวอะไร แต่บอกเลยว่าจริง ๆ แล้วการที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขก็คือการฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากเจ็บป่วยนี่แหละค่ะ สัตว์เลี้ยงประเภทไหนบ้างที่ต้องทำกายภาพบำบัด สัตว์ที่มีการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายของกระดูกและข้อต่อ สัตว์ที่มีการเสียหายของเส้นประสาท สัตว์ที่มีภาวะอัมพาต สัตว์ที่ต้องควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก วิธีการทำกายภาพบำบัดสุนัขมี 2 วิธีการ 1.การทำกายภาพบำบัดแบบใช้อุปกรณ์และต้องทำที่โรงพยาบาลสัตว์เท่านั้น การใช้กระดานเพื่อการทรงตัวหรือให้ยืนบนลูกบอล เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยให้สุนัขกลับมาใช้ขาได้รวดเร็วมากขึ้น การใช้คลื่นแสงและคลื่นเสียง เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ…
การดูแลสุนัขสักตัวไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายคนเลยใช่ไหมล่ะคะ นอกจากต้องดูแลเรื่องอาหารและสภาพแวดล้อมแล้ว การดูแลสุขภาพร่างกายโดยเฉพาะเรื่องสุขภาพฟันและเหงือกก็เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของสุนัขหลายท่านไม่ควรละเลย เพราะสีและลักษณะของเยื่อเมือกสามารถนำมาใช้ประเมินสุขภาพสุนัขเบื้องต้นได้ ที่บอกว่าสีและลักษณะของเยื่อเมือกถือว่าเป็นตัวแทนที่ดีในการประเมินสุขภาพสัตว์เบื้องต้น เพราะอวัยวะส่วนนี้เป็นเนื้อเยื่อส่วนปลายสุดที่สามารถบ่งบอกถึงภาวะการไหลเวียนของเลือดและปริมาณออกซิเจนที่มาเลี้ยงร่างกาย เนื่องจากเยื่อเมือกเป็นบริเวณที่ค่อนข้างบางและมีหลอดเลือดมาเลี้ยงปริมาณมาก หากมีการไหลเวียนของเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปเราจะสามารถสังเกตได้ง่าย โดยเฉพาะเยื่อเมือกที่เหงือก โดยวิธีการเช็คสุขภาพฟันและเหงือกของลูกสุนัขก็สามารถเช็คได้ด้วยวิธีง่าย ๆ สีเหงือกที่ปกติ คือ สีชมพู ลักษณะของเหงือกควรมีความชุ่มชื้น ไม่แห้ง หรือมีการบวมอักเสบ เมื่อใช้นิ้วมือกดไปที่เหงือกแล้วปล่อย เหงือกจะต้องเปลี่ยนจากสีขาวจากการกดมาเป็นสีชมพูเช่นเดิมภายใน 1-2 วินาที ซึ่งหมายถึงการไหลเวียนเลือดที่ดี หากนานกว่านั้นจะบ่งบอกถึงภาวะการไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ สีของเหงือกบอกอะไรได้บ้าง…
รักษาอาการป่วยสัตว์เลี้ยงด้วยการฝังเข็ม ใครได้ยินก็คงคิดว่าน่ากลัว จะให้ลูก ๆ ที่บ้านมาโดนเข็มแหลม ๆ ทิ่มคงไม่มีใครชอบ แต่ขอบอกเลยว่าการฝังเข็มนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยนะคะ การฝังเข็มเป็นการรักษาที่มีผลข้างเคียงน้อยมาก ในปัจจุบันการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ลองมาเปิดใจเรียนรู้เกี่ยวกับการฝังเข็มเพื่อรักษาสัตว์เลี้ยงกันค่ะ การฝังเข็มในสัตว์เลี้ยงเป็นศาสตร์การรักษาทางแพทย์แผนจีนที่มีมายาวนานถึงสองพันปีมาแล้ว โดยมีหลักการคือการปรับสมดุลระหว่าง หยิน (Yin) และ หยาง (Yang) ของร่างกาย ซึ่งวิธีการคือนำเข็มขนาดเล็กและบางมาก ๆ ไปฝังตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย โดยจุดที่ใช้ในการฝังเข็มรักษาสัตว์เลี้ยงนั้นมีมากกว่า…
ทาสหมาอย่างเรา ๆ แค่เห็นน้องมาทำสายตาอ้อนวอนขอกินอะไรสักอย่างก็แทบจะยื่นมือให้โดยอัตโนมัติ แต่เดี๋ยวก่อน! แน่ใจกันไหมว่าอาหารที่เราให้สุนัขกินแต่ละอย่างจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเขา มนุษย์อย่างเรากินได้แต่น้องหมากินได้แบบเราหรือเปล่า? เพราะร่างกายของสุนัขนั้นแตกต่างจากคน อาหารบางอย่างที่เราคิดว่าดีแต่หากสุนัขกินเข้าไปอาจอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ ถ้าอยากรู้ว่าอาหารอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้องหมากิน เราได้ลิสต์ 10 อาหารต้องห้ามที่ไม่ควรให้สุนัขกิน มาให้ทุกคนลองอ่านกันค่ะ เวลาให้อาหารจะได้รู้ว่าเขากินได้ไหม 1.กระดูก ความจริงแล้วกระดูกไม่ใช่อาหารที่ดีต่อสุขภาพของสุนัขเท่าไหร่ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง แต่คนที่เลี้ยงสุนัขยังสามารถให้น้องกินกระดูกได้เพียงแต่ต้องเป็นกระดูกดิบเท่านั้น เพราะนิ่มและย่อยช่วยให้สุนัขย่อยได้ดี แต่ก็ต้องระวังเชื้อโรคที่อาจปะปนมา ส่วนกระดูกที่ห้ามให้น้องหมากินเด็ดขาดคือกระดูกต้มสุก เพราะกระดูกที่สุกจะแตกหักง่าย ถ้าสุนัขกินเข้าไปอาจทิ่มแทงส่วนต่าง ๆ ของอวัยวะในระบบย่อยอาหารได้…
ขนาดคนอย่างเรายังต้องแปรงฟันและทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำทุกวัน แล้วเราจะละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากของน้องหมาน้องแมวไปได้อย่างไรจริงไหมคะ? เพราะการดูแลช่องปากในสุนัขและแมวถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากเจ้าของที่เลี้ยงดูเขาไม่ใส่ใจทุกปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น สัตว์เลี้ยงอาจเกิดปัญหาช่องปากโดยที่เราไม่รู้ตัว รู้อีกทีโรคเหล่านั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับน้องหมาน้องแมว แถมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของเขาด้วย “ช่องปากและฟัน” เป็นอวัยวะส่วนแรกที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของเราสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่กลับเป็นอวัยวะที่เจ้าของหลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญจนกระทั่งน้องหมาน้องแมวแสดงอาการออกมา เช่น เหงือกเจ็บ ปากบวม ฟันโยก ฟันผุ หรือมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงจึงค่อยพามาหาสัตวแพทย์ กลายเป็นปัญหาหนักที่ต้องใช้เวลาในการรักษาเพิ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่โรคในช่องปากมีวิธีการดูแลและป้องกันไม่ยากเลยหากเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีความรู้และให้เวลาในการดูแล ฉะนั้นถ้าอยากรู้วิธีการดูแลสุขภาพช่องปากเพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับสุนัขและแมวของเรา ลองมาดูวิธีที่เรานำมาแนะนำกันค่ะ 1.พาสุนัขและแมวมาตรวจสุขภาพช่องปากกับสัตวแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน…