[gtranslate]

โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน

โรงพยาบาลสัตว์ ที่เริ่มต้นจากคลินิกเล็กๆ ย่านเสาชิงช้า ด้วยความความรู้ความสามารถและการให้บริการรักษาสัตว์อย่างเต็มหัวใจ จึงทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงไว้วางใจเรื่อยมา และได้ขยายมาเป็นโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน ณ ปัจจุบัน โดยอาศัย ประสบการณ์กว่า 45 ปี ให้บริการศูนย์แพทย์เฉพาะทาง 24 ชม. และรับส่งต่อเคสสัตว์ป่วยระหว่างสถาบัน ทางเราเปิดรับพันธมิตรส่งต่อสัตว์ป่วยเพื่อมาช่วยเยียวยาต่อจากท่านที่อาจจะยังไม่พร้อมด้านอุปกรณ์

บริการของเรา

ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันเป็นห้องผ่าตัดแบบความดันบวก ความสะอาดและมาตรฐานความปลอดภัยผ่านมาตรฐาน

เปิดรักษาพร้อมให้คำแนะนำปรึกษาโรคทางโทรศัพท์ด้วยทีมสัตวแพทย์เฉพาะทาง ตลอด 24 ชั่วโมง

ให้บริการอาบน้ำและตัดแต่งขนสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร โดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจาก Starwood

เคสส่งต่อสัตว์ป่วย

ศูนย์บริการรับส่งต่อสัตว์ป่วย ระหว่างสถานพยาบาลสัตว์ เราพร้อมรองรับเคส 24 ชม. พร้อมรักษาทั้งโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทาง มีบริการรถรับ-ส่ง

ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงภายในโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายและครบครัน

คาเฟ่ Pet Friendly บรรยากาศภายในตกแต่งด้วยดอกไม้ ต้นไม้หลากหหลายสีสันที่ลงตัว ให้บรรยากาศแบบสวนดอกไม้

แพ็กเกจและโปรโมชั่น

ทำหมันกระต่าย

แพ็กเกจทำหมันกระต่าย

ทำหมันกระต่าย โดยสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน ตรวจเลือดก่อนทำหมันทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพน้องกระต่ายที่เรารัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02 887 8321 – 3 กลับไปหน้ารวม Package

อ่านต่อ »
ทำหมันสุนัขและแมว

โปรแกรมทำหมันสุนัขและแมว

แพ็คเกจทำหมันสุนัขและแมว ทำหมันดียังไงบ้าง? 💙 ลดการเกิดโรคทางระบบสืบพันธุ์ 💙 ลดภาวะการเกิดมดลูกอักเสบ💙 ลดอัตราการเกิดเนื้องอกเต้านม 💙 ลดภาวะต่อมลูกหมากโตในตัวผู้ 💙 ลดพฤติกรรมก้าวร้าว การหนีเที่ยว ทำหมันที่โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันดีอย่างไร? 💛ดมยาสลบทำโดยวิสัญญีสัตวแพทย์💛ห้องผ่าตัดมาตรฐาน ISO 14644-1 / ISO 14644-3 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลคน รับรองโดย 𝐈𝐧𝐧𝐨𝐯𝐚𝐭𝐢𝐯𝐞 𝐂𝐨𝐧𝐬𝐮𝐥𝐭𝐚𝐧𝐭 𝐀𝐧𝐝 𝐄𝐧𝐠𝐢𝐧𝐞𝐞𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐂𝐨.,𝐋𝐭𝐝.💛มีเครื่องติดตามสัญญาณชีพและคุณหมอดูแลตลอดการผ่าตัด💛อุปกรณ์และเครื่องมือผ่าตัดผ่านกระบวนการ Sterilization ด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยพลาสม่า และก๊าซไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2 ) ที่อุณหภูมิต่ำ *ราคายังไม่รวมค่าอาหาร หากมีอาหารประจำสามารถนำมาเองได้ระหว่างการฝากเลี้ยง**ราคายังไม่รวม vat…………………….. ****จองทำหมันทัก Inbox หรือ Line @talingchanpet ได้เลยค่ะ  โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 063 951 5591 หรือ 02 887 8321 – 3รวมทุกช่องทางติดตาม รพ.ส.ตลิ่งชัน allmylinks.com/talingchanpet กลับไปหน้ารวม Package

อ่านต่อ »

บทความสุขภาพสัตว์เลี้ยง

5 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระต่าย ที่หลายคนอาจ ’เอ๊ะ’!

  หลายคนคิดว่าการเลี้ยงกระต่ายเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับมีหลายเรื่องเลยที่คนเข้าใจผิดกันเกี่ยวกับกระต่าย ทำให้คนดูแลกระต่ายหลายคนอาจดูแลน้องผิดวิธี กระต่ายอาจดูเป็นสัตว์เลี้ยงที่เรียบร้อย ไม่ซน ไม่เสียงดัง แต่เบื้องหลังความน่ารักนั้นคือการดูแลอย่างถูกวิธีในเรื่องอาหาร สุขภาพ และ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจใหม่กันกับเรื่องเข้าใจผิดต่างๆเกี่ยวกับกระต่ายที่หลายคนอาจเผลอเชื่อไปแบบไม่รู้ตัว 1.อาหารหลัก ❌Myth: กระต่ายกินแครอทเป็นอาหารหลัก✅Fact: กระต่ายควรกินหญ้าแห้งเป็นหลัก 70-80%  หญ้าแห้ง เช่น หญ้าทิโมธี หรือหญ้าอัลฟัลฟ่า (สำหรับลูกกระต่าย) มีความสำคัญมากต่อระบบย่อยอาหารของกระต่าย ช่วยให้ฟันของกระต่ายที่งอกยาวได้สึกตามธรรมชาติ และป้องกันปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น ภาวะลำไส้อืด ส่วนแครอทและผักอื่นๆ เป็นเพียงอาหารเสริมในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมีน้ำตาลสูง หากกินเยอะเกินไปอาจทำให้น้องท้องอืด ท้องเสีย หรือรุนแรงถึงภาวะลำไส้อืดเลยก็เป็นได้ 2.การอาบน้ำ ❌Myth: กระต่ายอาบน้ำได้✅Fact: หากไม่มีความจำเป็น หรือไม่ใช่คำแนะนำของสัตวแพทย์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำจะดีกว่า    การอาบน้ำอาจทำให้กระต่ายเครียดและตกใจอย่างรุนแรงจนนำไปสู่การบาดเจ็บในขณะที่อาบน้ำได้ นอกจากนี้ขนที่หนาแน่นของกระต่ายเมื่อเปียกน้ำจะแห้งยากมาก และจับตัวเป็นก้อน กว่าจะทำให้กลับมาแห้งสนิทใช้เวลานานเป็นหลักชั่วโมง อาจเสี่ยงต่อภาวะตัวเย็นจนเกินไป (Hypothermia) และการติดเชื้อที่ผิวหนังและปอดได้ เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดกระต่ายควรใช้วิธีเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรืออาบน้ำด้วยแชมพูอาบน้ำแห้งเฉพาะจุดที่สกปรกเท่านั้น 3.การเข้าสังคม ❌Myth: กระต่ายเป็นสัตว์โดดเดี่ยว✅Fact: กระต่ายเป็นสัตว์สังคม เหมาะที่จะเลี้ยงหลายตัว   ตามธรรมชาติแล้ว กระต่ายเป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง การมีเพื่อนกระต่ายจะช่วยลดความเครียด ความเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันได้และส่งเสริมพฤติกรรมตามธรรมชาติ ทำให้กระต่ายมีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุขมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การนำกระต่ายตัวใหม่มาอยู่ร่วมกับตัวอื่นๆ จำเป็นต้องมีการทำความรู้จักที่ค่อยเป็นค่อยไป 4.การตรวจสุขภาพ ❌Myth: กระต่ายไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ✅Fact: กระต่ายเสี่ยงโรคฟันยาวผิดปกติ, พยาธิในหู, ท้องอืด ควรตรวจทุก 6-12 เดือน  กระต่ายเป็นสัตว์ที่ซ่อนอาการได้เก่ง เพราะฉะนั้นการตรวจสุขภาพประจำปี (หรือทุกๆ 6 เดือนสำหรับกระต่ายสูงวัย) โดยสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสัตว์พิเศษ (Exotic Pets) จึงมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพที่น้องอาจเป็นได้ เช่น โรคฟันยาวผิดปกติ, การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ, และปัญหาในระบบย่อยอาหาร ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้น 5.ความอ้วน ❌Myth: กระต่ายอ้วน = สุขภาพดี✅Fact: อ้วน = เสี่ยงข้อเสื่อม, เบาหวาน, ระบบย่อยแย่  ภาวะน้ำหนักเกินในกระต่ายอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงหลายอย่างได้ เช่น โรคข้ออักเสบ, โรคหัวใจและหลอดเลือด, หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะตับไขมัน (Hepatic Lipidosis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตน้องได้ นอกจากนี้กระต่ายที่อ้วนเกินไปจะไม่สามารถทำความสะอาดตัวเองและกินมูลอ่อนของตัวเองได้ (Cecotropes) ซึ่งเป็นสารอาหารที่กระต่ายจำเป็นต้องกินเพื่อที่จะดูดสารอาหารที่สำคัญเข้าไป เพราะถ้าน้องไม่ได้กิน จะส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพโดยรวมได้   การเลี้ยงกระต่ายให้มีสุขภาพดีและมีความสุข ไม่ได้ยากเกินไป…แค่ต้องเริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้อง หากคุณเป็นเจ้าของกระต่ายมือใหม่ หรือเป็นเจ้าของเลี้ยงมานานแต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลที่เหมาะสม รวมถึงสัตว์ exotic ชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร

อ่านต่อ
นอกจากคนแล้ว สัตว์ก็สามารถบริจาคร่างกายเพื่อเป็น “อาจารย์ใหญ่” ให้กับนักศึกษาสัตวแพทย์ได้เหมือนกัน เพื่อใช้ในการเรียนรู้โครงสร้างร่างกายจริง ๆ และช่วยพัฒนาการรักษาสำหรับสัตว์อื่น ๆ ในอนาคต

สัตว์เลี้ยงของเราก็สามารถบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ได้

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า…นอกจากคนแล้ว สัตว์เลี้ยงก็สามารถบริจาคร่างกายเพื่อเป็น “อาจารย์ใหญ่” ให้กับนักศึกษาสัตวแพทย์ได้เหมือนกัน เพื่อใช้ในการเรียนรู้โครงสร้างร่างกายจริงๆ และช่วยพัฒนาการรักษาสำหรับสัตว์อื่นๆในอนาคต

อ่านต่อ
ภาวะอัณฑะทองแดง คืออาการผิดปกติของอัณฑะที่ไม่เคลื่อนตัวลงมาในถุงอัณฑะ

ภาวะอัณฑะทองแดงในสัตว์เลี้ยงอันตรายแค่ไหน

  ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับภาวะอัณฑะทองแดงกันก่อนว่าคืออะไร อัณฑะทองแดงคือ ภาวะอาการผิดปกติของอัณฑะที่ไม่เคลื่อนตัวลงมาในถุงอัณฑะ สามารถเกิดขึ้นข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ทำให้ค้างอยู่บริเวณขาหนีบหรือช่องท้อง ซึ่งพบได้ในทั้งหมา สุนัข และแมวตัวผู้ สายพันธุ์สุนัขที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะอัณฑะทองแดง ได้แก่ ชิวาว่า               ปอมเมอเรเนียน         พุดเดิ้ล ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ ชเนาเซอร์ สายพันธุ์แมวที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะอัณฑะทองแดง ได้แก่ เปอร์เซีย แร็กดอลล์ สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะอัณฑะทองแดง   เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ส่งต่อยีนด้อยลงมาสู่รุ่นลูก ซึ่งเราสามารถสังเกตความผิดปกตินี้ได้ชัดเจนตอนอายุของน้องครบ 1 ปี วิธีสังเกตภาวะทองแดงสำหรับสุนัข   สุนัขจะมีลูกอัณฑะในถุงอัณฑะได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนเป็นต้นไป โดยส่วนใหญ่ลูกอัณฑะจะลงมาครบในถุงอัณฑะตอนอายุ 6 เดือน ซึ่งหากอายุของน้องเกิน 1 ปีหรือโตเต็มวัยแล้วลูกอัณฑะยังลงมาไม่ครบ แสดงว่าน้องมีภาวะอัณฑะทองแดงนั่นเอง วิธีสังเกตภาวะทองแดงสำหรับแมว   แมวจะมีลูกอัณฑะได้ตั้งแต่ 6 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยส่วนใหญ่ลูกอัณฑะจะลงมาครบในถุงอัณฑะตอนอายุ 2 เดือน ซึ่งหากอายุของน้องเกิน 6 เดือนหรือเต็มวัยแล้วลูกอัณฑะยังลงมาไม่ครบ แสดงว่าน้องมีภาวะอัณฑะทองแดงเหมือนกัน *ภาวะอัณฑะทองแดงไม่มีผลกับฮอร์โมนสัตว์ เพราะฉะนั้นจะยังมีแสดงพฤติกรรมทางเพศได้ตามปกติ ภาวะอัณฑะทองแดง อันตรายไหม   หากลูกอัณฑะไม่ลงถุง น้องหมา น้องแมวมีสิทธิ์ที่จะเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งอัณฑะได้มากกว่าสัตว์ที่มีอัณฑะอยู่ในถุงหลายเท่า เพราะอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่าในถุงอัณฑะ ทำให้เซลล์อัณฑะทำงานผิดปกติ กระตุ้นให้เกิดเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งนั่นเอง ภาวะอัณฑะทองแดงรักษายังไง   “การผ่าตัดทำหมัน” คือวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งอัณฑะในน้องหมาน้องแมวได้ ถึงแม้สัตว์บางตัวจะเป็นข้างเดียวก็ตาม ก็จำเป็นจะต้องผ่าตัดออกทั้งสองข้าง เพราะหากปล่อยไว้นานจะทำให้การผ่าตัดยากยิ่งขึ้น ในกรณีที่อัณฑะตกอยู่ในช่องท้องคุณหมอจะทำการอัลตร้าซาวด์ก่อนการผ่าตัด เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ชัดเจน นอกจากการผ่าตัดทำหมันจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งแล้วนั้น ยังช่วยลดการส่งต่อยีนด้อยผ่านทางพันธุกรรมให้กับรุ่นลูกหลานได้อีกด้วย      “อย่างไรก็ตามการผ่าตัดทำหมันควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์ เพราะสภาพร่างกายของน้องหมาและแมวแต่ละตัวนั้นแตกต่างกัน”    หากเจ้าของสงสัยว่าน้องๆของเจ้าของมีลูกอัณฑะในถุงครบไหม สามารถพามาพบคุณหมอเพื่อตรวจสอบดูได้เพื่อที่จะรักษาได้ทันท่วงทีหากพบว่าน้องมีอัณฑะไม่ครบทั้งสองข้าง   หากเจ้าของสนใจให้น้องหมาหรือแมวทำหมันสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ตรงนี้ได้เลย  https://talingchanpet.th1.proen.cloud/package-dog-cat/ References: https://www.researchgate.net/publication/10771216_Incidence_of_cryptorchidism_in_dogs_and_cats https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/1351479/ https://pangovet.com/ask-the-vet/cats/retained-testicles-cryptorchidism-in-cats/ https://www.msdvetmanual.com/reproductive-system/congenital-and-inherited-anomalies-of-the-reproductive-system/male-genital-abnormalities-of-animals

อ่านต่อ

5วิธีคลายความร้อนฉบับแมวเหมียว

แมว เป็นสัตว์ที่สามารถทนต่ออากาศร้อนได้ดีพอสมควร เพราะมีต้นกำเนิดอยู่ในทะเลทราย แต่แมวก็ยังต้องมีวิธีระบายความร้อนเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้สมดุลเมื่ออากาศร้อนจัดเช่นกัน ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างมาดูกัน 5 วิธีคลายความร้อนฉบับแมวเหมียว 1.การเลียขน (Cleaning) แมวจะเลียขนเพื่อทำให้ขนตัวเองเปียก ซึ่งน้ำลายที่น้องเลียจะระเหยออกไปและช่วยลดอุณหภูมิร่างกายคล้ายกับเหงื่อในมนุษย์ 2.การหายใจถี่ (Panting) แมวจะเริ่มหายใจถี่หรืออ้าปากหอบเมื่อรู้สึกร้อนมาก ซึ่งเป็นกลไกช่วยระบายความร้อนผ่านลมหายใจ แต่หากแมวหอบหนักเกินไป อาจเป็นสัญญาณของภาวะฮีทสโตรก (Heat Stroke) ที่อันตรายได้ 3.การยืดตัวและหาที่เย็น (Stretching and Finding cold place )  แมวจะยืดตัวออกเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับอากาศ และจะหาที่เย็น เช่น พื้นกระเบื้อง เงาร่ม หรือใกล้พัดลมเพื่อช่วยระบายความร้อน 4.การลดกิจกรรม (less activities) น้องแมวมักจะนอนนิ่งๆ และลดการเคลื่อนไหวของร่างกายในช่วงอากาศร้อนเพื่อลดการสร้างความร้อนในร่างกาย 5.การขยายหลอดเลือดที่ใบหูและอุ้งเท้า (Vasodilation in the ears and paw pads) แมวมีเส้นเลือดที่สามารถขยายตัวได้ที่ใบหูและอุ้งเท้า เมื่อร่างกายร้อนขึ้น เลือดจะไหลเวียนมาบริเวณนี้มากขึ้นเพื่อช่วยระบายความร้อนออก ข้อควรระวังในช่วงอากาศร้อน หากแมวมีอาการหอบหนัก น้ำลายเหนียว ซึม หรืออาเจียน อาจเสี่ยงต่อโรคลมแดดได้ (Heat Stroke) ควรรีบทำให้เย็นลงทันที เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆซับตัว และพาไปพบสัตวแพทย์โดยทันที เขียนบทความ โดย สพ.ญ.กุญชรี ประกาลัง (หมอกุ๊กไก่) โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน แหล่งอ้างอิง Buffington, C. A. (2008). “Cat Thermoregulation Mechanisms.” Journal of Feline Medicine & Surgery. Little, S. (2012). The Cat: Clinical Medicine and Management. Elsevier

อ่านต่อ

นิ่ว สาเหตุที่ทำให้น้องหมา-น้องแมวฉี่ไม่ออก

นิ่ว ปัญหาที่ทำให้น้องหมา-น้องแมวฉี่ไม่ออก (Urinary Stones)     น้องหมาฉี่ไม่ออก น้องแมวเข้าห้องน้ำนานแต่ก็มีฉี่แค่นิดเดียว หรือบางครั้งก็ฉี่ออกมาแล้วสีเข้มจนมีเลือดปะปน ปัญหาพวกนี้อาจเกิดจากทางเดินปัสสาวะของน้องๆที่มีตะกอนหรือผลึกแร่ธาตุสะสมอยู่ หรือที่เรารู้จักกันดีคือ นิ่ว นั่นเอง เดี๋ยววันนี้ทางโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจะมาไขข้อข้องใจเรื่องนิ่วให้เจ้าของฟังกันว่านิ่วคืออะไรและจะรับมือกับสิ่งนี้ยังไงกัน นิ่วคืออะไร?     นิ่ว เกิดจากการสะสมของตะกอนแร่ธาตุจนเกิดเป็นก้อนนิ่ว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดในระบบทางเดินปัสสาวะ สามารถเกิดได้ตั้งแต่บริเวณไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ และมากถึง 85% ของโรคนิ่วในสัตว์เลี้ยงจะพบได้ในกระเพาะปัสสาวะ โรคนี้พบได้ทั่วไปในสัตว์เลี้ยงทั้งหมาและแมว สาเหตุของโรคนิ่ว    สาเหตุของการเกิดนิ่วนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อาหารและน้ำ – อาหารที่มีปริมาณแร่ธาตุสูงเกินไป เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วได้ ส่วนน้ำดื่ม หากน้องหมาหรือน้องแมวดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นสูง เพิ่มโอกาสการตกผลึกของแร่ธาตุจนตกตะกอนกลายเป็นนิ่ว เพศ – เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดนิ่วได้ หากน้องหมาหรือน้องแมวเป็นตัวผู้ จะมีโอกาสเกิดภาวะอุดตันได้เพราะท่อปัสสาวะของเพศผู้จะแคบและยาวกว่าเพศเมียทำให้นิ่วติดค้างได้ง่าย แต่หากเป็นเพศเมียจะมีแนวโน้มเจอ นิ่วสตรูไวท์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ พันธุกรรม – หมาและแมวบางสายพันธุ์มีแนวโน้มที่จะเป็นนิ่วได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เนื่องจาก พันธุกรรม โครงสร้างร่างกาย และปัจจัยด้านพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น ดัลเมเชียน ชิห์สุ เปอร์เซีย บริติชชอร์ตแฮร์ และอื่นๆ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ – การติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะจะทำให้ค่ากรด-ด่างในปัสสาวะเปลี่ยนแปลง และเมื่อปัสสาวะมีความด่างมากเกินไป จะทำให้ความสามารถในการละลายน้ำของแมกนีเซียมฟอสเฟตลดลง ทำให้กระตุ้นการเกิดนิ่วได้ โรคประจำตัว – น้องหมาน้องแมวที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคตับ โรคไต หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติ จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นนิ่วได้มากกว่าน้องหมาน้องแมวที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติ อาการที่พบเจอ     หากน้องหมาน้องแมวแสดงสัญญาณเหล่านี้ น้องๆอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นนิ่วได้ ฉี่บ่อยกว่าปกติและมีปริมาณน้อย ฉี่กะปริดกะปรอย มีเลือดปนอยู่กับฉี่ เบ่งฉี่เป็นเวลานาน เลียอวัยวะเพศบ่อยครั้ง     หากปล่อยอาการเหล่านี้ทิ้งไว้นาน นิ่วอาจไปอุดตันที่ท่อปัสสาวะจนทำให้น้องปัสสาวะไม่ออก และเมื่อถึงจุดนั้นเจ้าของจำเป็นต้องพาน้องมาพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นอาจทำให้น้องเสียชีวิตได้ วิธีรักษา     การรักษาโรคนิ่วนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของนิ่วที่น้องเป็นและจากการวินิจฉัยของสัตวแพทย์ โดยจะมีอยู่ 2 วิธีหลักๆด้วยกัน ได้แก่ การผ่าตัด – เป็นวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยการผ่าตัดจุดที่มีนิ่วอยู่และเอานิ่วที่อยู่ภายในออกมา เพื่อส่งตรวจชนิดของนิ่วที่พบ หลังจากการผ่าตัด น้องอาจมีเลือดปนกับปัสสาวะ 2-4 วันและต้องพักฟื้น 7-14 วัน การให้อาหารสูตรสลายนิ่ว – ในสัตว์เลี้ยงบางตัวที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ หรือมีความเสี่ยงในการวางยาสลบ

อ่านต่อ

เรื่องที่คุณอาจไม่รู้ เกี่ยวกับการทำหมันสุนัข&แมว

     หลายคน รวมถึงเจ้าของสัตว์เลี้ยงทราบอยู่แล้วว่าการทำหมันเป็นวิธีการคุมกำเนิดถาวร แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการทำหมันสำหรับน้องหมาและน้องแมวยังมีข้อดีอื่น ๆ นอกจากการคุมกำเนิด เช่น ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของเราได้ด้วย วันนี้ทางโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำหมันสำหรับน้องหมาและน้องแมวให้ฟังกันค่ะ การทำหมันสุนัขและแมว * ถึงแม้การทำหมันสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่น้องอายุ 4 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าด้านความเหมาะสมนั้น แนะนำให้ทำตอนอายุ 6 เดือนขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยของน้องที่ทำหมัน ** การทำหมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของน้องหมาน้องแมวเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงน้ำหนักตัวของน้องด้วย หากน้ำหนักตัวของน้องน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อาจไม่สามารถวางยาสลบได้ ขั้นตอนในการทำหมัน ตรวจเลือด – เพื่อตรวจสอบค่าเลือดต่างๆ ในร่างกายน้องว่าพร้อมทำการทำหมันหรือไม่ หากพบค่าเลือดผิดปกติ จะไม่สามารถทำหมันได้ และจะต้องดูแลให้ค่ากลับมาปกติก่อนถึงจะดำเนินการในขั้นตอนถัดไปได้ งดอาหารและน้ำ 8-12 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการผ่าตัดทำหมัน – เพื่อป้องกันการสำลักอาหารหรือน้ำระหว่างการผ่าตัด วางยาสลบและทำการผ่าตัด – เมื่อเตรียมความพร้อมทุกด้าน จึงทำการผ่าตัด หลังผ่าตัดเสร็จ – สัตว์เลี้ยงจะต้องได้รับการทำแผลผ่าตัดจนกว่าแผลแห้งดี (สามารถทำด้วยตัวเองหรือพาไปคลินิกหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านท่านได้) ตัดไหม – 7-10 วันหลังการผ่าตัดเมื่อแผลแห้งดีและไม่มีการติดเชื้อ วิธีดูแลน้องหมาและแมวหลังทำหมัน     การดูแลแผลของน้องหมาและน้องแมวหลังทำหมันเป็นอีกสิ่งนึงที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทานยาปฏิชีวนะและยาลดอักเสบตามที่สัตวแพทย์จ่ายยามาให้ ห้ามให้สุนัขหรือแมวเลียหรือแทะแผล โดยอาจสวมใส่อุปกรณ์กันเลีย เช่น Collar หรือ ชุดกันเลีย ห้ามให้แผลโดนน้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์ สำหรับแมวตัวผู้ ให้ทายาฆ่าเชื้อ(เบตาดีน)ที่แผลทุกวันจนกว่าแผลจะดีขึ้น  วิธีดูแลน้องหมาและแมวหลังตัดไหม ควบคุมอาหารและเลือกอาหารที่เหมาะสม – น้องหมาหรือแมวที่ทำหมัน ควรกินอาหารสูตรสำหรับสัตว์เลี้ยงทำหมัน เพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม – เจ้าของควรหากิจกรรม เช่น พาไปเดินเล่นหรือว่ายน้ำ เพื่อให้น้องมีสุขภาพที่แข็งแรง ขยับเขยื้อนร่างกายอยู่เสมอ ข้อดีในการทำหมัน     ดังที่กล่าวถึงข้างต้นว่าการทำหมันคือการคุมกำเนิดถาวร แต่ข้อดีของการทำหมันยังมีมากกว่านั้น เช่น ลดความเสี่ยงของโรคทางระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ, เนื้องอกเต้านม, และการลดภาวะต่อมลูกหมากโตในเพศผู้ ซึ่งหากรุนแรงอาจกลายเป็นมะเร็งได้ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว เนื่องจากการลดลงของระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ลดพฤติกรรมการหนีเที่ยว เพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ รวมถึงการฉี่ไม่เป็นที่ ผลข้างเคียงของการทำหมัน สัตว์เลี้ยงมีร่างกายที่อ้วนขึ้น – เนื่องจากการทำหมันทำให้ฮอร์โมนทางเพศลดลง ทำให้การเผาผลาญในร่างกายลดลง เจ้าของสามารถควบคุมน้ำหนักน้องโดยการเลือกอาหารสูตรที่เหมาะสมและหมั่นพาน้องออกกำลังกาย ภาวะปัสสาวะเล็ดหลังทำหมัน(Urinary Incontinent) – ภาวะนี้มักพบในเพศเมีย ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ แต่ภาวะนี้พบน้อยมาก ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยา ปัญหาปัสสาวะลำบาก– อาจเกิดขึ้นกับแมวตัวผู้ได้     การทำหมันสัตว์เลี้ยงไม่เพียงช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ แต่ยังมีส่วนสำคัญในการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขและแมวจรจัด ทั้งนี้

อ่านต่อ
thไทย